วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

🔺ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือแพลงก์ตอนบลูม


🔺ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือแพลงก์ตอนบลูม


         ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี (Red Tides) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นจาก แพลงก์ตอนพืช (สาหร่ายขนาดเล็ก) ที่อาศัยอยู่ในน้ำทะเลมีการเจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์อย่าง รวดเร็ว ในเวลาอันสั้น และด้วยแพลงก์ตอนพืชเหล่านี้ต่างก็มีสีในตัวเอง ฉะนั้นเมื่อพวกมันมีการเกิดการบลูมจะทำให้มีสีที่แตกต่างกันของแพลงก์ตอนแต่ล่ะชนิด
       อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีนั้น เคยพบเกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศไทย โดยชาวบ้านมักเรียกเหตุการณ์ที่พบเห็นว่า “ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ” หรือ “น้ำแดง”    

แพลงก์ตอนบลูมที่อ่าวเจียวโจว มณฑลซานตง
ต้นเหตุแพลงก์ตอนบลูม” สาเหตุที่แพลงก์ตอนมีการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วนั้น
เนื่องจากน้ำทะเลใน บริเวณนั้นมีปริมาณธาตุอาหารสูง โดยเฉพาะไนเตรต และฟอสเฟตประกอบกับ
สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องของแสงแดด อุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเล จึงทําให้แพลงก์ตอนเกิดการสังเคราะห์แสง และเจรญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสภาวะเช่นนี้เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เองในธรรมชาติ หากทว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์พบว่าปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี มีอัตราการเกิด บ่อยครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการกระทําของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งน้ำเสียซึ่ง มีปริมาณธาตุอาหารและสารอินทรีย์สูงจากอาคารบ้านเรือน แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงโรงงาน อุตสาหกรรมทขยายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีน้ำทิ้งจากการทําเกษตรกรรม การปล่อยน้ำเสีย 
จากการทํานากุ้งออกสู่ทะเลโดยตรง หรือแม้แต่น้ำฝนที่ ชะล้างหน้าดินพัดพาสารอาหารลงสู่ทะเล ก็ ล้วน แต่เป็นการเติมปุ๋ยซึ่งเป็นตัวเร่งให้แพลงก์ตอนพืชเกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น


ปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม ทำให้ปลาขาดออกซิเจน เหงือกติดขัด
        เมื่อ “แพลงก์ตอนทําพิษ” การเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ทั้งทางตรง และทางอ้อม เพราะ เมื่อแพลงก์ตอนมีการเพิ่มจํานวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้ออกซิเจนในการหายใจมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ออกซิเจนในน้ำจึงลดลงอย่างรวดเร็ว แพลงก์ตอนบางส่วนจึงเริ่มตาย และตกลงสู่พื้นทะเล แบคทีเรียก็ต้องใช้ออกซิเจนเพื่อย่อยสลายสิ่งเน่าเปื่อย น้ำเริ่มเน่าเสีย สิ่งมีชีวิตทั้งในน้ำ และสัตว์หน้าดิน และสัตว์ที่ฝังตัวอยู่ในดินเริ่มขาดอากาศหายใจและตายในที่สุด ส่งผลกระทบทั้งต่อตัวผู้บริโภค อุตสาหกรรมอาหาร ขณะเดียวกันน้ำทะเลที่เริ่มเสียก็จะส่งกลิ่นเหม็น ธุรกิจการทองเที่ยวก็เสียหาย เป็นต้น ผลกระทบจากแพลงก์ตอนบลูมทำให้สัตว์ทะเลล้มตาย แต่แพลงก์ตอนที่พบในน้ํา ทะเลมากกว่า 5,000 ชนิดนั้น มี 300 ชนิดที่ทําให้เกิดปรากฏการณ์น้ําทะเลเปลี่ ยนสีได้
  

แพลงตอนบลูมที่บริเวณชายทะเลศรีราชา จ.ชลบุรี

        สําหรับในเมืองไทยได้มีการรายงานการเกิดน้ำแดงที่เป็นพิษอัมพาตครั้งแรก เมื่อเดือน พฤษภาคม 2526 โดยเกิดที่ปากแม่น้ําปราณบุรีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีผู้ป่วย 63 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เนื่องจากกินหอยแมลงภู่ที่จับมาจากบริเวณที่เกิดน้ำแดง อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีผ่านมามีปรากฏการณ์น้ำ
ทะเลเปลี่ยนสีเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากใน บริเวณอ่าวไทย รวมทั้งยังพบการตายของสิ่งมีชีวิต อาทิปลา
หอยทับทิม ปูอยู่เต็มบริเวณชายหาด ซึ่งมักจะมีชาวบ้านไปเก็บมาปรุงอาหาร จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้ว่าแพลงก์ตอนที่เพิ่มจํานวนมากในช่วงเวลานั้นจะไม่มีพิษ แต่การเก็บสัตว์น้ำที่เสียชีวิตแล้วมารับประทานก็อาจจะทํา ให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องร่วง หรือ อาหารเป็นพิษได้เช่นกัน นอก
จากนี้สําหรับผู้ที่เดินทางไป ท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ควรหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำ เพราะหากแพ้ก็จะทําให้เกิดอาการผื่นคัน บวมแดงได้ ทั้งนี้ในประเทศไทยยังไม่สามารถคาดการณ์การเกิดปรากฏ
การณ์น้ําทะเลเปลี่ยนสีได้

       สิ่งที่ทําได้คือช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการงดทิ้ง
น้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำทะเลโดยตรง และ ช่วยกันดูรักษาสภาพน้ำทะเลและชายหาดให้สะอาดสมบูรณ์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น