🔺ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือแพลงก์ตอนบลูม
![]() |
แพลงก์ตอนบลูมที่อ่าวเจียวโจว มณฑลซานตง |
เนื่องจากน้ำทะเลใน บริเวณนั้นมีปริมาณธาตุอาหารสูง โดยเฉพาะไนเตรต และฟอสเฟตประกอบกับ
สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องของแสงแดด อุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเล จึงทําให้แพลงก์ตอนเกิดการสังเคราะห์แสง และเจรญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสภาวะเช่นนี้เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เองในธรรมชาติ หากทว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์พบว่าปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี มีอัตราการเกิด บ่อยครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการกระทําของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งน้ำเสียซึ่ง มีปริมาณธาตุอาหารและสารอินทรีย์สูงจากอาคารบ้านเรือน แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงโรงงาน อุตสาหกรรมทขยายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีน้ำทิ้งจากการทําเกษตรกรรม การปล่อยน้ำเสีย
จากการทํานากุ้งออกสู่ทะเลโดยตรง หรือแม้แต่น้ำฝนที่ ชะล้างหน้าดินพัดพาสารอาหารลงสู่ทะเล ก็ ล้วน แต่เป็นการเติมปุ๋ยซึ่งเป็นตัวเร่งให้แพลงก์ตอนพืชเกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม ทำให้ปลาขาดออกซิเจน เหงือกติดขัด |
![]() |
แพลงตอนบลูมที่บริเวณชายทะเลศรีราชา จ.ชลบุรี |
ทะเลเปลี่ยนสีเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากใน บริเวณอ่าวไทย รวมทั้งยังพบการตายของสิ่งมีชีวิต อาทิปลา
หอยทับทิม ปูอยู่เต็มบริเวณชายหาด ซึ่งมักจะมีชาวบ้านไปเก็บมาปรุงอาหาร จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้ว่าแพลงก์ตอนที่เพิ่มจํานวนมากในช่วงเวลานั้นจะไม่มีพิษ แต่การเก็บสัตว์น้ำที่เสียชีวิตแล้วมารับประทานก็อาจจะทํา ให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องร่วง หรือ อาหารเป็นพิษได้เช่นกัน นอก
จากนี้สําหรับผู้ที่เดินทางไป ท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ควรหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำ เพราะหากแพ้ก็จะทําให้เกิดอาการผื่นคัน บวมแดงได้ ทั้งนี้ในประเทศไทยยังไม่สามารถคาดการณ์การเกิดปรากฏ
การณ์น้ําทะเลเปลี่ยนสีได้
สิ่งที่ทําได้คือช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการงดทิ้ง
น้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำทะเลโดยตรง และ ช่วยกันดูรักษาสภาพน้ำทะเลและชายหาดให้สะอาดสมบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น